ความเชื่อหรือภูมิปัญญาในสมัยก่อนของคนโบราณอาจจะไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นการใช้ประสบการณ์บอกเล่าต่อๆกันมา ซึ่งก็มีทั้งถูกและผิดเพราะการสื่อสารบอกต่อกันมาอาจผิดพลาดหรืออาจเกิดจากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆก็ได้ แต่เมื่อเร็วๆนี้ชาวเนตที่ใช้ชื่อในเฟสบุ๊คว่า วิยะดา วงศ์ศรีสังข์ ได้แบ่งปันเรื่องราวของลูกแมวบ้านเธอลงในกลุ่มทาสแมว Official
โดยเธอเล่าว่า “ หลายวันก่อนทองเล่นซนตกจากที่สูง เดินขาเดี้ยงสองวัน วันที่สามอาการยังไม่ดีขึ้นแม่จะพาไปหาหมอ ยายบอกให้แม่เอาใบพลับพลึงอังไฟแล้วมาพันขาทอง ไม่นานเดี๋ยวก็หายยายบอก แม่เอาใบพลับพลึงพันขาทองครึ่งวัน”
.
พอตกเย็นแม่แกะใบพลับพลึงออก ขาที่พันด้วยใบพลับพลึงเปียกโชกชุ่มด้วยน้ำ พอขาเริ่มแห้งแม่ปล่อยให้ทองลองยืนลองเดินดู ทองไม่อยากจะเชื่อเลยฮะหายซะงั้น ตอนนี้ทองเล่นซนได้เหมือนเดิม แต่ยังไม่กล้าปีนสูงๆ(เข็ด) และนี่คือหน้าตาของใบพลับพลึง
.
หลังจากที่แบ่งปันเรื่องราวก็มีชาวเนตเป็นจำนวนมากเข้ามากดไลค์และคอมเม้นท์กันอย่างมากมาย โดยหลายๆคนขอให้น้องหายไวๆและแซวว่าคงหายซ่าไปอีกนาน
.
โดยยังมีชาวเนตอีกหลายท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนานาๆ และวันนี้ก็มีข้อมูลของพลับพลึงมาให้ด้วย โดยพลับพลึง มีสรรพคุณทางยาอยู่หลายประการ โดยส่วนที่นำมาใช้ก็ได้แก่ ใบ ราก และเมล็ด ถึงแม้ว่าพลับพลึงจะมีประโยชน์อยู่มากมาย แต่ก็นำมาใช้ได้แค่ภายนอกเท่านั้น เราจะไม่ใช้พลับพลึงเป็นยากินหรือใช้ภายในเนื่องจากมีพิษนั่นเอง
.
สำหรับพลับพลึงในการใช้ภายนอกมีประโยชน์อย่างมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือช่วยแก้อาการปวดบวม ฟกช้ำดำเขียว อาการเคล็ดขัดยอก ข้อเท้าพลิกแพลงได้ ด้วยการใช้ใบพลับพลึงนำมานึ่งไฟให้ใบอ่อนตัวลง แล้วนำมาพันรอบบริเวณที่เจ็บ ทำถุงทองนอนหลับสบายเลยล่ะ
.
ในตอนนี้ถุงทองก็หายดีแล้ว แต่ก็คงหายซ่าไปอีกนาน คงจะต้องรอโตกว่านี้ถึงจะกลับมาซ่าได้อีกรอบละนะ
.
ที่มา : วิยะดา วงศ์ศรีสังข์ / medthai
หากคุณชื่นชอบเรื่อง หมาๆ แมวๆ และสัตว์โลกน่ารัก สามารถอ่านเรื่องราวด้านล่าง หรือติดตามได้ที่แฟนเพจ Dog vs Cat แมวซ่าส์ หมาบ๊องส์