แม้ว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างพวกเราจะดูแลทะนุถนอมสัตว์เลี้ยงด้วยความรัก ความเอาใจใส่อย่างดีแค่ไหน บางครั้งก็อาจจะเผลอทำพลาดไปได้เหมือนกัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาแก่ตัวเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้ด้วยเหตุที่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือมีความรู้ในเรื่องนั้นน้อย เช่น ยังมีบางคนไม่ทราบว่าอาหารเสริมของเจ้าสัตว์เลี้ยงไม่ได้ทำไมพวกมันมีสุขภาพที่ดีขึ้นทุกอัน กลับกันอาหารเสริมนั้นอาจจะทำให้พวกมันอาการแย่ด้วยซ้ำหากกินเข้าไป
ลองอ่านข้อผิดพลาดในการดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อตัวเจ้าของสัตว์เลี้ยงว่าจะไม่เผลอไปทำผิดพลาดในอนาคต
1. การเปลี่ยนจากการให้อาหารแห้งเป็นอาหารเปียกอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนการให้อาหารจากชนิดหนึ่งไปอีกแบบหนึ่งจะต้องทำอย่างถูกวิธีและค่อยๆเปลี่ยนเสมอ การเปลี่ยนโดยทันทีสามารถทำให้เกิดภาวะเครียดจากอาหารได้ซึ่งอาจปรากฏออกมาเป็นอาการอาเจียน ท้องเสีย หรืออาการอื่นๆได้ การเปลี่ยนจากการให้อาหารเปียกเป็นอาหารแห้งและในทางกลับกันการเปลี่ยนจากการให้อาหารแห้งเป็นอาหารเปียกนั้นจะต้องค่อยๆทำ (ควรใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 5 วัน) เช่น ค่อยๆใส่/เพิ่มปริมาณอาหารแห้งลงไปในอาหารเปียก
2. การให้เจ้าเหมียวหลายๆตัวใช้กระบะทรายอันเดียวกัน
สัตว์เลี้ยงทุกตัวควรมีภาชนะกินอาหารและน้ำแยกเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะกระบะทราย ไม่เพียงแต่เผื่อความสะอาดเท่านั้น แต่โดยปกติแล้วสัตว์จะรับรู้ถึงสัญญาณเตือนของสัตว์ตัวอื่นๆ โดยการรับรู้กลิ่น ซึ่งเจ้าเหมียวนี้อาจจะมีสัมผัสต่อการรับรู้กลิ่นไว หากพวกมันได้กลิ่นของสัตว์ตัวอื่นๆก็อาจจะไม่ยอมกินอาหารหรือไม่ใช้กระบะทรายนั้นไปเลย
3. การไม่เช็คว่ามีน้ำเหลือในภาชนะเท่าไหร่แล้ว
เวลาเราให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารเปียก พวกมันอาจจะได้รับน้ำอย่างเพียงพอจากอาหารแล้ว แต่ถ้าเจ้าหมาหรือแมวเหมียวกินแต่อาหารแห้งอย่างเดียวละก็ คุณจะต้องหมั่นเติมน้ำให้เต็มทุกครั้ง เพราะภาวะขาดน้ำอาจน้ำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงรวมถึงเสียชีวิตได้
4. การละเลยหรือไม่ได้สังเกตว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงเริ่มมีน้ำหนักมากเกินไป
สุนัขบางสายพันธุ์ก็อาจจะทำให้เจ้าของสังเกตยาก ว่ามันเริ่มมีน้ำหนักมากเกินไปหรืออ้วนขึ้นจริงๆหรือเปล่า เช่น สุนัขพันธุ์ปั๊ก และนอกจากนี้เจ้าของที่เลี้ยงแมวบางคนก็ดูชอบเวลาที่เจ้าเหมียวของพวกเขาอ้วนแล้วดูน่ารักขึ้น อย่างไรก็ตาม จำนวนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา สามารถส่งผลเสียต่อข้อต่อต่างๆ ระบบไหลเวียนเลือด และระบบการย่อยต่อสัตว์เลี้ยงได้ ดังนั้นหากคุณลองสังเกตไปยังเจ้าสุนัขสัตว์เลี้ยงของคุณ ดีๆแล้ว ถ้ามันยังรูปร่างดี มีน้ำหนักตามเกณฑ์ มันจะต้องมีรอบเอวชัดเจนหรือบริเวณระหว่างช่วงอกไปจนถึงท้องควรว่าแตกต่างกันอย่างได้ชัด และส่วนตรงซี่โครงมีไขมันเพียงเล็กน้อย
5. เจ้าสัตว์เลี้ยงไม่ได้มองหน้าคุณตอนที่คุณกำลังพูดกับมันอยู่
เจ้าของมักจะปลอบเหล่าสัตว์เลี้ยงให้สงบหรือใจเย็นลงด้วยคำพูดเช่น “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรน้า” เวลาที่จะต้องอาบน้ำให้หรือพาไปหาสัตวแพทย์ ซึ่งสัตว์เลี้ยงพวกนี้มันกลับสามารถจำคำพูดพวกนี้ได้อย่างดี และนั่นเป็นสัญญาณบอกให้มันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณควรเลิกพูดคำเหล่านี้ซะ ถ้าคุณจะทำอะไรสักอย่างกับสัตว์เลี้ยงของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่มันไม่ชอบหรือสิ่งที่จะทำให้มันเกิดภาวะเครียด คุณควรจะแค่ทำตัวปกติ สบายๆก็พอ
6. การซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่มีขายทั่วไป
บางครั้งสัตว์เลี้ยงบางชนิดก็ต้องการอาหารที่แตกต่างกันไป ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะยังมีอายุน้อย อายุเยอะ ทำหมันแล้ว หรือยังไม่ได้ทำ และสายพันธุ์อื่นๆด้วย เช่น แมวที่มีขนยาวกับแมวอย่างพันธุ์ Sphynxes ดังนั้นอย่าซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่มีขายทั่วไปจะดีกว่า คุณควรซื้ออาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ เพราะมันจะประกอบไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงคุณจริงๆ
7. การปล่อยให้เจ้าแมวเหมียวออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าน
แน่นอนว่าอากาศที่สดชื่นและบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเหล่าสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นจะให้ไปเดินสูดอากาศตามท้องถนนคงจะไม่ดีแน่ เพราะเจ้าเหมียวอาจจะไปเจอสุนัขดุ เห็บ หมัด รถยนต์ หรือโรคติดต่อได้ ดังนั้นคุณสามารถปล่อยเจ้าเหมียวให้ออกไปเดินเล่นได้ถ้าคุณมีบริเวณให้เดินและล้อมรั้วอย่างดี แต่คุณต้องระวังเรื่องเชื้อปรสิตในแมวด้วยล่ะ
8. การไม่ออกคำสั่งชัดเจนกับเจ้าหมาว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้
สุนัขจะเข้าใจแค่สิ่งที่เจ้าของอนุญาตไม่ให้ทำ กับ สิ่งที่ทำได้แค่นั้น ถ้าคุณไม่อยากให้สุนัขของคุณทำอะไรบางอย่างที่คุณไม่ชอบ ก็อย่าเผลอปล่อยให้มันทำไปครั้งหนึ่ง เช่น ถ้าคุณไม่อยากให้สุนัขของคุณมานอนบนเตียงเดียวกับคุณ ก็อย่าให้มันขึ้นมานอนบนเตียงกับคุณตั้งแต่ต้น
9. การทิ้งสุนัขไว้ในรถโดยปิดกระจกไว้
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากที่หลายครั้งเจ้าของสุนัขเผลอทำโดยไม่ได้ตั้งใจ อุณหภูมิในรถนั้นมักจะสูงกว่าข้างนอกอยู่แล้ว โดยเฉพาะในหน้าร้อนที่ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนนั่งในเตาอบเวลาอยู่ในรถ หากสุนัขอยู่ในรถที่ปิดกระจกไว้ นั่นจะทำให้มันเสียชีวิตจากภาวะขาดออกซิเจนได้ ในหน้าหนาวก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ เนื่องจากเวลาที่ดับเครื่องยนต์ อากาศก็หนาวยิ่งขึ้นไปอีก หรือถ้าติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้สุนัขก็จะสูดควันเข้าไปจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ในบางประเทศ ก็อนุญาตให้ทุบกระจกรถได้หากพบว่ามีสุนัขอยู่ข้างในโดยไม่ผิดกฎหมาย
10. การวินิจฉัยโรคและรักษาเจ้าสัตว์เลี้ยงด้วยตัวเอง
เวลาที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงของตัวเองนั้นมีอาการผิดปกติ พวกเขามักจะทำการรักษาพวกมันด้วยตัวเองทันที โดยเลือกยาเองบ้าง ให้พวกมันกินยาของคนบ้าง หรือหาวิธีต่างๆมารักษา อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไม่ใช่สัตวแพทย์ หรือผ่านการทดสอบเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆมาแล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณวินิจฉัยออกมาก็อาจจะผิดได้ นอกจากนี้มีเพียงแต่สัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่มันใจว่าตัวเองกำลังรักษาสัตว์สายพันธุ์นั้นๆได้อย่างถูกต้องและถูกวิธี อีกทั้งยาบางชนิดของคนก็สามารถใช้กับสัตว์เลี้ยงได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคำแนะนำของหมอและจำนวนปริมาณของยาด้วย
11. การปล่อยให้เจ้าเหมียวนอนบนเครื่องทำความร้อน
แมวนั้นชอบบริเวณที่มีอากาศอบอุ่น นี่เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกมันถึงชอบนอนอยู่บน หรือนอนใกล้ๆ เครื่องทำความร้อนในหน้าหนาว ถึงอย่างนั้นความร้อนก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะร้อนเกินไปในอวัยวะภายใน แมวจะรู้สึกชอบกับอากาศแบบนี้เพราะมีอวัยวะรับสัมผัสที่แตกต่างไปจากคน แต่การใช้เวลาไปหลายชั่วโมงจากการนอนอยู่บน หรือนอนใกล้ๆ เครื่องทำความร้อนนั้น สามารถส่งผลเสียที่ร้ายแรงกับสุขภาพพวกมันได้เช่นกัน หากแมวยังไม่ยอมลุกออกไปจากบริเวณนั้นอีก อย่างน้อยให้นำผ้ามาวางไว้บนเครื่องทำความร้อนก็ยังดีเพื่อลดอุณหภูมิความร้อนลง
12. การเลือกอาหารเสริมวิตามินให้กับเจ้าสัตว์เลี้ยงผิด
แคลเซียม แร่ธาตุ และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ มีความจำเป็นต่อลูกสุนัขและสุนัขโต แต่คุณต้องตระหนักไว้เสมอว่าสุนัขในแต่ละสายพันธุ์นั้นต้องการอาหารเสริมที่ให้สารอาหารไม่เหมือนกัน ดังนั้นการให้สุนัขกินวิตามินในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็นหรือผิดชนิดอาจจะทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้
เชื่อว่าหลังอ่านบทความนี้จบคนเลี้ยงสัตว์หลายคน อาจต้องมองย้อนกลับไปว่ามีอะไรที่เคยผิดพลาดมาบ้าง และจะสามารถแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
ที่มา : brightside