เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและชื่นชอบหมีขั้วโลก แต่ปัจจุบันหมีสีขาวตัวใหญ่น่าเกรงขามเหล่านี้กำลังถูกคุกคามรุนแรงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้น้ำแข็งขั้วโลกซึ่งคือที่อยู่อาศัยของพวกมันละลาย ทั้งนี้องค์กรอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่าง WWF ทำงานกันอย่างหนักตั้งแต่ปีค.ศ. 1972 เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่หมีขั้วโลกกำลังเผชิญและปกป้องอนาคตของพวกมัน เพื่อเชิดชูสัตว์อันน่าทึ่งเหล่านี้นี่คือข้อเท็จจริงที่คุณอาจไม่ทราบเกี่ยวกับหมีขั้วโลก
.
#1 หมีขั้วโลกจัดเป็นสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม
เนื่องจากพวกมันใช้เกือบทั้งชีวิตอาศัยอยู่บนทะเลน้ำแข็งและหาอาหารในมหาสมุทรอาร์กติกจึงจัดได้ว่าหมีขั้วโลกเป็นหมีสายพันธ์ุเดียวในโลกที่สามารถจัดอยู่กลุ่มสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม
.
#2 ความจริงหมีขั้วโลกตัวสีดำไม่ใช่สีขาว
เส้นขนของหมีขั้วโลกทำให้เกิดการสะท้อนของแสงเมื่อตกกระทบทำให้เราเห็นขนสีขาวเด่นชัด แต่ที่แท้ใต้ขนหนาๆ นี้คุณจะพบผิวหนังสีดำของมัน
.
#3 หมีขั้วโลกสามารถว่ายน้ำได้ต่อเนื่องนานเป็นวันๆ
ด้วยความเร็วในการว่ายน้ำ 9.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้พวกมันว่ายน้ำได้ในระยะไกลต่อเนื่องหลายชั่วโมงจากแผ่นน้ำแข็งหนึ่งไปยังอีกแผ่นหนึ่ง อุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมันใช้ว่ายน้ำได้อย่างดีขณะที่ขาหลังทำหน้าที่คล้ายหางเสือเรือ
.
#4 หมีขั้วโลกประสบความสำเร็จในการล่าเหยื่อเพียง 2 เปอร์เซ็นต์
ถึงแม้ว่าหมีขั้วโลกจะใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อหาอาหาร แต่การล่าเหยื่อของพวกมันไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักอาหารหลักของพวกมันกินได้แก่แมวน้ำแต่ก็ยังคงล่านก กินไข่ กินพืช รวมถึงกินซากสัตว์เป็นอาหารเช่นกัน
.
#5 นักวิทยาศาสตร์สามารถแยก DNA ของหมีขั้วโลกได้จากรอยเท้า
เทคนิคใหม่นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย WWF ร่วมกับบริษัท SPYGEN ผู้เชี่ยวชาญด้าน DNA ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแยก DNA จากรอยเท้าของหมีขั้วโลกบนหิมะได้ นอกจากนี้หิมะเพียงแค่ 2-3 ช้อนจากรอยเท้ายังช่วยให้รู้ว่าหมีขั้วโลกเพิ่งกินอะไรเข้าไปได้ด้วย
.
#6 หมีขั้วโลกต้องเผชิญภัยคุกคามมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศยังคงเป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ต่อความอยู่รอดของหมีขั้วโลกแต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกมันเผชิญ เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซได้หันความสนใจไปที่ทะเลอาร์กติกและการสำรวจน้ำมันทำให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลก หากน้ำมันรั่วไหลอาจมีผลกระทบต่อขนหมีขั้วโลกทำให้พวกมันต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ทั้งนี้น้ำมันอาจปนเปื้อนในอาหารที่พวกมันกินกลายเป็นสารพิษสะสมและเกิดอันตรายต่อร่างกายหมีขั้วโลก
.
#7 ลูกผสมระหว่างหมีกริซลีกับหมีขั้วโลกมีอยู่จริง
มีการตรวจ DNA หมีตัวหนึ่งซึ่งถูกยิงในปีค.ศ. 2006 แถบอาร์กติกแคนาดาและได้รับการยืนยันพันธุกรรมว่าเป็นลูกผสมระหว่างหมีกริซลีกับหมีขั้วโลกโดยมีชื่อเรียกว่า Grolar bears หรือ Pizzly bears ซึ่งหมีลูกผสมมักเกิดจากแม่หมีขั้วโลกและพวกมันจะถูกเลี้ยงให้เหมือนกับลูกหมีขั้วโลก
.
#8 หมีขั้วโลกเพศผู้สามารถหนักได้เท่าคน 10 คน
หมีขั้วโลกเพศผู้สามารถหนักได้ถึง 800 กิโลกรัมซึ่งมีขนาดมากกว่าเพศเมียถึง 2 เท่าและเคยมีการวัดความยาวได้ถึง 3 เมตรทำให้หมีขั้วโลกเป็นสัตว์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก
.
#9 หมีขั้วโลกได้กลิ่นเหยื่อของพวกมันไกลถึง 1 กิโลเมตร
หมีขั้วโลกมีประสาทรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยมมาก พวกมันสามารถใช้จมูกดมกลิ่นแมวน้ำผ่านรูในน้ำแข็งและจะรออย่างอดทนจนกว่าเหยื่อของมันจะโผล่มาและโจมตีพวกมันจากบนบก
.
#10 มีการคาดการณ์ว่าในปีค.ศ. 2050 หมีขั้วโลกจะลดจำนวนลงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
หมีขั้วโลกเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ุแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง พวกมันพึ่งพาแผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมผืนน้ำอันกว้างขวางเพื่อหาอาหาร อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งละลายและแตกออกจากกันเกิดการจำกัดขอบเขตการหาอาหารของหมีขั้วโลกให้แคบลง ทั้งยังมีผลต่อหมีขั้วโลกที่กำลังท้องและต้องการกินอาหารเพื่อสร้างไขมันในร่างกายให้พร้อมสำหรับการคลอดและดูแลลูกในช่วงแรก
.
NASA ได้ระบุไว้ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 3 องศาในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ระดับน้ำทะเลยังสูงขึ้นกว่า 1 นิ้วขณะที่ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น 8 นิ้ว การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้เป็นข่าวร้ายสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกโดยเฉพาะหมีขั้วโลก แผ่นน้ำแข็งที่ละลายในอัตรา 8.6 ล้านเอเคอร์ต่อปีทำลายนิสัยธรรมชาติของพวกมันซึ่งหมายถึงการย้ายถิ่นของอาหารอย่างแมวน้ำบังคับให้หมีขั้วโลกต้องเดินไกลขึ้นเพื่อหาอาหารและต้องอดอาหารเป็นเวลานานขึ้นด้วย
เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่าหมีขั้วโลกคุ้ยถังขยะและกินโลมา แน่นอนว่าพวกมันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่ากำลังหิวพยายามเลี้ยงปากท้องของตัวเองและลูกน้อยให้ดีที่สุดเท่านั้น ภาพถ่ายล่าสุดของหมีขั้วโลกที่ถ่ายโดย Andreas Weith แสดงให้เห็นว่าหมีขั้วโลกกำลังอดอยากจนผอมแห้ง
.
ในฐานะมนุษย์ที่สามารถช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ก็ควรตระหนักและเลือกใช้ทรัพยากรที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนและลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อประคับประคองให้ทุกชีวิตทั่วโลกได้อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ยืนยาว
ขอบคุณที่มา : wwf และ onegreenplanet
หากคุณชื่นชอบเรื่อง หมาๆ แมวๆ และสัตว์โลกน่ารัก ติดตามได้ที่แฟนเพจ Dog vs Cat แมวซ่าส์ หมาบ๊องส์