เรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสอย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์ของต่างประเทศ เมื่อนาง Leewen จากฉงชิ่ง ประเทศจีน ได้บอกเล่าถึงสุนัขโกลเด้นรีทีฟเวอร์สุดที่รักของเธอที่มีชื่อว่า Julia ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และเธอก็รักมันเหมือนลูกแท้ๆ เธอเริ่มเลี้ยง Julia เมื่อตอนอายุได้ 2 เดือนเท่านั้น
ในตอนนั้น Leewen อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย และ Julia ถูกขึ้นบัญชีเป็นสุนัขช่วยเหลือ เพราะว่ามันเป็นสุนัขที่อ่อนโยนและเป็นมิตรมากๆ ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับมาฉงชิ่งเพื่อเตรียมตัวจะไปอาศัยอยู่ในยุโรปในระยะยาว ดังนั้นเธอจึงเลือกเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีใน Yubei เพราะเธอคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์แก่สุขภาพของ Julia
หลังจากเธอได้ย้ายมาอยู่ที่แห่งนี้ก็ได้ยินเสียงคนจำนวนมากบอกว่าเกลียดสุนัข และต้องการให้พื้นที่แถบนี้มีแต่เด็กๆเท่านั้น อีกทั้งยังมีการจับกลุ่มว่าจะทำยังไงเพื่อที่จะกำจัดสุนัขให้หมดไปจากระแวกนี้
ซึ่ง Leewan เคยถูกขู่ทำร้ายเจ้า Julia ถึง 4 ครั้ง และมีครั้งหนึ่งที่โทรแจ้งตำรวจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่นานมานี้ Julia เพิ่งฉลองครบรอบ 8 ปีอย่างมีความสุข และเธอวางแผนที่จะไปยุโรปหลังตรุษจีนปีหน้า แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจซะก่อน
ในวันอาทิตย์ Julia เสียชีวิตเพราะว่ามีคนใจร้ายโยนไก่ใส่ยาเบื่อไว้ในสนามหญ้า ที่มันชอบอาศัยอยู่เป็นประจำ และ Julia ได้กินไก่ชิ้นนั้นเพียงนิดเดียว มันก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ซึ่ง Leewan บอกว่า เธอไม่เคยลืมเสียงร้องนั้นเลย มันยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวของเธอ
ถึงแม้ว่าเธอจะพาไปโรงพยาบาลสัตว์ก็ไม่ทันเสียแล้ว ซึ่งปฏิกิริยาของเธอบ่งบอกถึงความเสียใจที่แทบจะขาดใจได้จริงๆ
เธอจมอยู่กับความโศกเศร้านานกว่าหนึ่งสัปดาห์ และลุกขึ้นมาแจ้งความดำเนินคดี แต่ตำรวจบอกว่าไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์เหล่านี้ และทุกวันมีสัตว์เป็นร้อยที่เสียชีวิตด้วยยาเบื่อแบบนี้
หลังจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ Leewan พยายามเปลี่ยนแปลงสิทธิสัตว์ในประเทศจีน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มี แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะมีไม่ได้ ชีวิตของสัตว์เหล่านี้ช่างเปราะบาง ไม่ว่ามนุษย์ใจร้ายคนไหนก็สามารถจะพรากชีวิตพวกเขาไปได้ง่ายๆ และเธอจึงขอการสนับสนุนบนโลกออนไลน์ รวมไปถึงคำแนะนำต่างๆเพื่อผลักดันความคิดเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมจริงๆ ซึ่งบนเฟสบุ๊คมีคนให้ความสนใจมอย่างล้นหลามและมีการแชร์โพสต์ไปมากกว่าหนึ่งแสนครั้งไปแล้ว
ในวินาทีที่เธอสูญเสียลูกที่รักที่สุดไป แค่คิดก็น้ำตาไหลแล้วจริงๆ
ที่มา : Facebook
