เมื่อราวๆ 12,000 ปีก่อน เสือรูปร่างสูงใหญ่หรือที่เรียกกันว่าเสือเขี้ยวโค้งเคยปกครองโลกมาก่อน ความใหญ่โตมโหฬารของพวกมันทำให้มนุษย์พากันยำเกรง แม้ว่าสัตว์ชนิดนี้จะสูญพันธุ์ไปแล้วในยุคไพลสโตซีน แต่ทุกวันนี้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถเพาะพันธุ์สัตว์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างเสือและสิงโตเพื่อให้เกิดเป็นสัตว์ลูกผสมชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า “ไลเกอร์”
ที่ไมร์เทิล บีชในรัฐเซาท์แคโรไลน่า ที่นี่มีแมวขนาดมหึมาที่สุดในโลก เจ้าของอุทยานซาฟารีแห่งนี้ บาห์กาวาน แอนเทิล และลูกชายของเขา โคดี้ แอนเทิลได้แนะนำให้รู้จักกับแมวที่มีความพิเศษสองตัว ได้แก่ อพอลโล่ ไลเกอร์สีขาวซึ่งมีน้ำหนัก 705 ปอนด์ (ประมาณ 320 กก.) และลุงเบิ้มของมัน เฮอร์คิวลิส ไลเกอร์หนุ่มฉกรรจ์ที่หนักอย่างไม่น่าเชื่อถึง 922 ปอนด์ (ประมาณ 418 กก.)
เฮอร์คิวลิสเป็นเจ้าของตำแหน่งสถิติโลกซึ่งกินเนสส์บุ๊คบันทึกไว้ นั่นคือ “แมวตัวใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่” สำหรับความพิเศษของมัน นอกจากมันจะเป็นเจ้าของตำแหน่งดังกล่าวแล้ว มันยังถูกเพาะพันธุ์ขึ้นจากสิงโตเพศผู้สีขาวและเสือเพศเมียสีขาว
นับแต่ปี ค.ศ. 1983 มีนักท่องเที่ยวแห่กันมาชมไลเกอร์หรือแมวที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อุทยานซาฟารีไมร์เทิล บีขเป็นจำนวนมากมาก อุทยานแห่งนี้เพาะพันธุ์เสือเองเพื่อให้เสือของตนแตกต่างจากเสือทั้งหมดทั่วโลก เสือของอุทยานแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่มีสีขาวสะอาดทั้งตัวซึ่งไม่เคยพบเห็นในธรรมชาติอีกเลยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 นับว่าเป็นบุญตาเชียวล่ะ
เจ้าไลเกอร์อพอลโล่และโคดี้ แอนเทิลโคจรมาพบกับ “ทาร์ซานตัวจริง” ไมค์ ฮอลสเทียน ไมค์คือชายหนุ่มที่รักสัตว์ป่าเป็นชีวิตจิตใจ เขารู้สึกทึ่งกับขนาดและความแข็งแรงที่เหลือเชื่อของอพอลโล่ และเขาเชื่อว่ามันสามารถบริโภคอาหารปริมาณมากมายในแต่ละวันได้อย่างไม่ยากเย็น โดยเฮอร์คิวลิสชอบกิน มันสวาปามเนื้อวัวและเนื้อไก่วันละ 20 กก. เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้มันยังออกกำลังกายเป็นประจำ มันชอบว่ายน้ำ
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเฮอร์คิวลิสคือสิ่งมหัศจรรย์ อย่างไรก็ตาม มันคือสิ่งมหัศจรรย์ของมนุษย์ ไม่ใช่ของธรรมชาติ ปัจจุบันนี้หัวข้อการเพาะพันธุ์ไลเกอร์เป็นที่ถกเถียงอย่างมาก หลายคนต่อต้านกระบวนการนี้เนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์ซึ่งเป็นที่รับรู้ระหว่างเสือและสิงโต พวกมันไม่ปฏิสัมพันธ์กัน ถิ่นที่อยู่แตกต่างกัน และมันไม่เคยผสมพันธุ์กัน
ยิ่งกว่านั้นเสือและสิงโตมักจะนำมาแต่ไลเกอร์เพศผู้ที่เป็นหมัน ไลเกอร์บางตัวพิการอย่างรุนแรงตั้งแต่เกิด สิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและอายุขัยของพวกมันโดยทั่วไป
สมาคมสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรือ AZA ต่อต้านการปรับปรุงพันธุ์ทางชีวภาพ องค์กรนี้กล่าวว่าการเพาะพันธุ์สัตว์ทำให้ไม่ได้ลักษณะต้นแบบซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่แสดงให้เห็น ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้ข้อมูลความรู้ที่สับสนกับผู้ที่พบเห็นแล้วยังเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตของสัตว์อีกด้วย
AZA กล่าวเพิ่มเติมว่าการหลอมสีซึ่งหมายถึงการเพาะพันธุ์สัตว์ในสีใดสีหนึ่ง เช่น สีขาว สามารถส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคตของสัตว์ การทำให้ยีนส์ด้อยถูกเลือกแทนยีนเด่นของนักวิทยาศาสตร์เป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีที่สัตว์ เช่น ไลเกอร์ เป็นต้นจะได้รับการพัฒนา เป็นไปได้ที่ยีนด้วยจะเหนือกว่ายีนเด่นซึ่งดีกว่า แข็งแรงกว่า
Big Cats Initiative ของสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟิกกล่าวว่าการทดลองในสัตว์เป็นสิ่งผิดธรรมชาติและไม่อยู่บนหลักของเหตุผลด้านชีวภาพ พวกเขาเชื่อว่าหากเรารักแมวและอยากจะให้เกียรติมัน เราควรปล่อยให้มันค่อยๆ พัฒนาตามธรรมชาติ
ที่มา : goanimals
