อาหารทะเลเช่น “ปู” จัดเป็นจานโปรดของใครหลายคนและมันก็มีราคาแพงใช่ย่อย ทีนี้เมื่อถึงคราวที่คุณมีโอกาสสั่งปูมาแกะกินสักโลสองโลคุณกินเนื้อปูได้กี่เปอร์เซ็นต์ของตัวปูกันเชียว บางคนกินเฉพาะตรงตัว บางคนแคะกระดองกินบ้าง คนที่มีความพยายามหน่อยก็จะแกะก้ามออกมากิน
เบื้องหลังวิถีชีวิตชาวประมงที่เชี่ยวชาญเรื่องปูแต่ไม่ใช่ปูธรรมดา เพราะมันคือ “ปูอลาสก้า” กว่าชาวประมงจะจับปูมาให้คุณกินแต่ละครั้งต้องลำบากแค่ไหนไปชมชีวิตของพวกเขากัน
ปูอลาสก้าอาศัยในแถบทะเลแบริ่งที่ตั้งอยู่ทางมหาสมุทรแปซิกกั้นระหว่างประเทศรัสเซียและสหรัฐอเมริกา
ทะเลแบริ่งมีความลึกมากเนื่องจากใต้ทะเลเป็นหุบเหวลึกกว่า 1,600 เมตร มีคลื่นสูงและลมแรงตลอดเวลา
แถมอุณหภูมิยังสามารถต่ำได้ถึง 0 องศาเซลเซียสหรืออาจติดลบในบางช่วง
ชาวประมงหาปูอลาสก้าจึงต้องเตรียมพร้อมทั้งร่างกาย อุปกรณ์จับปู และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตให้อยู่รอดในทะเลที่โหดที่สุดในโลก
ชาวประมงจะโยนกรงจับปูลงในทะเลตามจุดต่างๆ โดยที่พวกเค้าก็ไม่รู้แน่ว่าจะมีปูติดขึ้นมาหรือไม่
หากโชคไม่ดีดึงกรงขึ้นมาแล้วว่างเปล่าพวกเค้าก็ต้องย้ายกรงไปปล่อยจุดอื่นต่อไป
ดังนั้นกัปตันเรือจึงต้องมีประสบการณ์สูงมากในการกำหนดจุดปล่อยกรงเพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
วันนี้พวกเค้าโชคดีที่ดึงกรงขึ้นมาแล้วมีปูติดขึ้นมาด้วย
ชาวประมงจะคัดเฉพาะปูที่ได้ขนาดตามเกณฑ์ จากนั้นจะโยนลงไปใต้ท้องเรือที่จะเป็นคลังปูขนาดใหญ่
ส่วนปูที่ไม่ได้มาตรฐานหรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นจะถูกโยนกลับคืนท้องทะเล
ใต้ท้องเรือมีปูอลาสก้าเต็มไปหมด ครั้งนี้พวกเค้าประสบความสำเร็จในการจับปูอย่างมาก
เมื่อว่างจากการหาปูพวกเค้าจะหากิจกรรมทำคลายเหงา
บางครั้งได้พบกับสิงโตทะเลพวกเค้าก็จะแบ่งปลาให้กิน
ถ่ายรูปสนุกสนานกันบนเรือ
ทะเลที่สงบนิ่งเมื่อเรือแล่นใกล้เข้าฝั่ง
เก็บอุปกรณ์เลี้ยงชีพให้เรียบร้อบเตรียมออกรบครั้งต่อไป
ชาวประมงหาปูมีรายได้สูงมากเพราะเป็นอาชีพที่แลกมาด้วยความอันตรายและเสี่ยงต่อชีวิต จึงเป็นเหตุให้ปูอลาสก้ามีราคาแพงเช่นกัน
ขอบคุณที่มา : divaboo